โดย ดร.สมพล รัชตพิมลชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด, อยุธยา ซิตี้พาร์ค
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือที่เรียกโก้หรูอย่างฝรั่งว่า Greeting Season ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นโอกาสทองของพ่อค้าแม่ขาย และยังเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เกิดพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ด้วยเช่นกัน ทว่าก็มักจะมีคำถามมากมายตามมา สำหรับพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ว่า “...จะขายอะไร? ...ขายใคร? ...ขายอย่างไร? ในยุคไทยแลนด์ 4.0” เรียกว่า เป็นคำถามยอดฮิตของนักค้ารายใหม่ก็ว่าได้ แต่สำหรับคำตอบนั้น บอกเลยว่า “...ยากม๊ากมาก” เพราะการจะขายสินค้าอะไรนั้น จำเป็นต้องมีปัจจัยหลายอย่างมาพิจารณา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ลงตัวที่สุด และก่อนที่จะหาคำตอบมาบอกนักค้าหน้าใหม่นั้น ผมก็ต้องมีการสอบประวัติกันเสียก่อนว่า ชอบอะไร และเคยทำธุรกิจค้าขายมาก่อนหรือไม่
ซึ่งทุกคำตอบที่ได้มาก็คือ “...ไม่รู้ว่าชอบอะไร” และ “...ไม่เคยค้าขายมาก่อน” แค่เรียนจบแล้วทำงานมาระยะหนึ่ง พอได้เงินก้อน ก็รู้สึกเบื่อชีวิตลูกจ้าง เลยลาออก แล้วตัดสินใจอยากเป็นเจ้านายตัวเอง ...นั่นแสดงให้เห็นว่า คนที่คิดจะมาเป็นนักค้าขายหน้าใหม่ ยังไม่เข้าใจตัวเอง และไม่มีความรู้เรื่องของการค้าขายมาก่อน ซึ่งหากคุยแล้วเห็นว่า “...ไปไม่รอด...” ผมก็จะแนะนำให้เขาลองทบทวนความคิด และไม่สนับสนุนให้มาเปิดร้านขายของแน่นอน เพราะการลงทุนค้าขายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าพลาดขึ้นมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่า มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง และอาจหมดตัวไปเลยก็ได้ เพราะเงินก้อนที่เขามีอยู่กันนั้น อาจเป็นเงินก้อนที่เขาเก็บมาทั้งชีวิต แบบนี้ ผมอาจจะแนะนำให้ไปศึกษาหาความรู้ และค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน ในทางกลับกัน หากพบว่า คนที่คุยด้วยนั้นมีความรู้อยู่บ้าง และมีความชอบที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งชัดเจนแล้ว คำตอบที่ได้ก็จะเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากข้างต้น ซึ่งคนกลุ่มนี้ผมเชื่อมั่นว่า เขาจะสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเป็นพ่อค้าแม่ขายได้ไม่ยาก ...แต่จะทำธุรกิจอะไรกันดีนั้น ผมมีอยู่ 2 ทางเลือกให้กับคนกลุ่มนี้
ทางเลือกแรก คือ การสร้างธุรกิจของตัวเอง เรียกง่ายๆ ว่า เปิดร้าน หรือเปิดแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาเลย ซึ่งทางเลือกนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่พอมีทุนรอนอยู่บ้าง แต่การจะเปิดร้านที่เป็นชื่อของตัวเองได้นั้น จำเป็นต้องถามตัวเองก่อนว่า พร้อมที่จะเป็นนายตัวเองและพร้อมทุ่มเทความรับผิดชอบมากมายที่จะตามมาหรือยัง รวมถึงรักและชอบในธุรกิจอะไร คิดว่าสินค้าของตัวเองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือความโดดเด่นอะไรที่แตกต่างจากร้านค้าทั่วไป เพราะหากไม่มีอะไรแตกต่างไปจากร้านค้าในระดับเดียวกันแล้ว บอกได้เลยครับว่า สุดท้ายก็อาจจะขายไม่ออก หรือบางทีอาจต้องมีการลด แลก แจก แถม จนอาจไม่เหลือกำไรก็ได้ คนซื้ออาจได้ประโยชน์ แต่คนขายนี่สิ..อาจต้องตีอกชกหัวตัวเองภายหลังได้ ดังนั้น อย่าคิดแค่ว่า ใครขายดี ก็เฮละโลไปขายตามเขา สุดท้ายอาจเจ็บตัว
สำหรับทางเลือกที่สอง คือ การซื้อแฟรนไชส์หรือแบรนด์ดัง ทั้งแบบ International Brand หรือ Thai Brand ซึ่งในส่วนนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินทุนมากสักหน่อย โดยสินค้าก็อาจจะมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ ที่มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งพื้นที่เล็กๆ รถเข็น แม้แต่ร้านขนาดใหญ่ อย่างร้านอาหารแบบ Restaurant ซึ่งจะทำให้นักค้ารายใหม่ไม่ต้องกังวลใจอะไรมากนัก เพราะการซื้อแฟรนไชส์จะมีการวางระบบ การจัดการ และการทำการตลาด หรือแม้แต่การสร้างยอดขายอย่างดีมาให้เราแล้ว แถมยังมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไว้ให้ด้วย เช่นเดียวกับการหาสถานที่ขาย และการต่อรองราคาค่าเช่าที่ การตกแต่ง ทางบริษัทผู้ขายแฟรนไชส์ ก็จะจัดการให้เราครบทุกขั้นตอน เรียกว่า แค่มีเงิน ทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ทั้งนี้ ผู้ที่คิดจะดำเนินธุรกิจในแบบแฟรนไชส์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปเรียนรู้ระบบอย่างเข้าใจ และรู้กระบวนการผลิตไปจนถึงการขายตามรูปแบบที่ทางแบรนด์กำหนดไว้ด้วยเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน และดำเนินงานตามแผนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้
เมื่อเรารู้แล้วว่า จะขายอะไร ขายแบบไหน ก็มาถึงเรื่อง “...ขายที่ไหน?” กันบ้าง ซึ่งหากเป็นการขายในแบบธุรกิจแฟรนไชส์ก็ไม่ต้องกังวลใจมากนัก เพราะอย่างที่บอกทางแฟรนไชส์จะเป็นผู้จัดหาสถานที่ให้เราเอง แต่หากเลือกสร้างแบรนด์เอง เราก็ต้องมาพิจารณาว่า มีเงินทุนมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากพอก็อาจจะแนะนำให้เปิดในห้าง อาจใช้พื้นที่ส่วนกลางของห้าง (Promotion) แต่หากมีทุนน้อยลงมาหน่อย ก็อาจจะเลือกตลาดนัด ที่จ่ายเป็นรายวัน เพื่อทดลองขายแบบไม่ต้องลงทุนมาก และยังจะทำให้รู้ว่า สินค้าของเราเหมาะกับลูกค้ากลุ่มใด มีปริมาณลูกค้า หรือ เสียงตอบรับสินค้ามากน้อยแค่ไหน เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาสินค้าของเราต่อไป
กระนั้นก็ตาม จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ร้านค้าที่เจ้าของลงมือทำด้วยตัวเอง จะประสบความสำเร็จได้ดี เพราะดูแลทุกอย่าง ตัดสินใจเรื่องการต่อรองจนถึงปิดการขายได้เอง หรือแม้แต่การควบคุมคุณภาพ ควบคุมต้นทุน และการเลือกจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย ก็สามารถคิดและตัดสินใจได้ทันที แบบนี้ ก็รวยกันมาเยอะแล้วเหมือนกัน เช่นเดียวกับแฟรนไชส์ ยิ่งถ้าได้เจ้าของธุรกิจลงมามาควบคุม และดูงานอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง ก็รุ่งโรจน์รุ่งเรืองได้เช่นกัน
...สรุปแล้ว ไม่ว่า จะขายอะไร? ...จะขายให้ใคร? ...จะขายอย่างไร? ขึ้นอยู่กับเจ้าของธุรกิจจะต้องรู้จริงถึงแก่นในธุรกิจที่กำลังจะทำ รับประกันได้ว่า ธุรกิจที่คิด หรือ กำลังทำอยู่นั้น อยู่ไม่ไกลเกินคำว่า “ประสบความความสำเร็จ” และ “ร่ำรวย” อย่างแน่นอน..
More information about VRent.Co at
Tel : +668 7632 3333
Website : https://www.vrent.co
Facebook TH : facebook.com/vrentth
Facebook EN : facebook.com/vrent.co/
Instagram : instagram.com/vrent.co
YouTube : VRentCo
LINE Official Account ID : @vrent.co
Email : info@vrent.co
#VRent #VRent.co #VRentCo #GlobalRental #Rent #Renter #Owner #Developer #Agent #Realtor #Realestate #Rental #Rentalplatform #experienceanewwaytorent #rentcondo #rentoffice #rentland #rentwarehouse #billboard #renthome #rentcar #rentmotorcycle #rentbuilding #วีเร้นท์ #เช่า #ปล่อยเช่า #นายหน้า #เจ้าของปล่อยเช่า #เพิ่มรายได้ #แพลตฟอร์มเช่าออนไลน์ #เช่าบ้าน #เช่าคอนโด #เช่าสำนักงาน #เช่าออฟฟิศ #เช่าอาคาร #เช่าโรงงาน #เช่ารถ #เช่ามอเตอร์ไซค์ #เช่าโกดัง #เช่าป้ายบิลบอร์ด #เช่าป้ายโฆษณา