กำหนดราคาบ้านที่เราจะขาย
เรื่องนี้สำคัญที่สุดเลยครับ ไม่ว่าช่องทางที่เพื่อนๆ ต้องการขายจะดีแค่ไหนหากขายเกินราคากว่าความเป็นจริงแน่นอนครับขายออกยากแน่ๆ ครับ เว้นเสียจากเพื่อนๆ โชคดีจริงๆ หรือไม่ก็คนที่อยากซื้ออยากได้มากๆ ยอมสู้ราคาเท่านั้นครับ
แล้วจะกำหนดราคาอย่างไรดีล่ะ
ก่อนอื่นเอาแบบง่ายสุดคือต้องเช็คราคาประเมินจากกรมที่ดินก่อนครับ ว่าบ้านของเราจะขายได้ในราคาประมาณเท่าไร ณ ปัจจุบัน แน่นอนครับราคาที่ดินต้องปรับขึ้นแน่นอนครับ ลองคำนวณบวกลบกับสภาพบ้านของเราดูครับหากเพื่อนๆ ขายบ้านตามสภาพ พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่อยากขาดทุนแน่นอนใช่ไหมครับ แต่ก็ไม่ค้ากำไรเกินควร อิอิ
ประเมินจากบ้านภายในหมู่บ้านที่ขายเหมือนกับเราครับ แล้วก็เอามาคิดราคาบวกลบตามสภาพบ้านของเราครับ ดูราคาจากป้ายที่เพื่อนบ้านแขวนไว้หรือที่ประกาศบน internet ก็ได้ครับ
อย่าลืมคำนวณรายจ่าย เช่น หากต้องการปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด ทาสีใหม่ บ้านใหม่ก่อนขายตรงนี้ก็จะเป็นรายจ่ายแต่เราก็จะสามารถนำไปคิดบวกกับราคาบ้านได้ครับ
บวกค่าโอนบ้านให้กับเจ้าของคนใหม่ รายจ่ายตรงนี้เป็นเงินก้อนใหญ่อยู่เหมือนกันนะครับ เจ้าของบ้านบางคนบอกว่ารับผิดชอบกันคนละครึ่ง บางคนก็จะออกให้ทั้งหมด ส่วนตัวผมเชื่อว่า เจ้าของบ้านทุกคนต้องคำนวณบวกเงินตรงนี้ไปในราคาบ้านแล้วล่ะครับ แต่เพื่อให้ดูดีหน่อยให้ดูเหมือนผู้ซื้อผู้ขายรับผิดชอบร่วมกัน มองแล้วผู้ซื้อไม่ได้จ่ายเงินส่วนอื่นๆ มากเกินไปกว่าราคาบ้านที่ตกลงกันไว้ บวกไปก่อนก็ได้ครับรอไว้ให้ลูกค้ามาต่อรองราคาบ้านกับเราอีกทีหนึ่งก็ลดให้เค้าได้บ้างครับ เอากำไรแต่พอควรนะครับเพื่อนๆ ร่วมด้วยช่วยกันไม่มีผู้ซื้อ เราก็ไม่มีเงินไปซื้อบ้านหลังใหม่
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น หากมีการนำบ้านไปรีไฟแนนซ์กับธนาคาร แล้วมีการจ่ายก่อนกำหนดไม่ครบปีที่ตั้งไว้ก็อาจจะมีค่าทำเนียมในการโอนคืนด้วยครับประมาณ 3% ของเงินต้นครับ ในฐานะผู้ขายหรือแม่ค้าเองก็คงจะต้องบวกรายจ่ายตรงนี้เข้าไปในตัวบ้านบ้าง ถึงแม้จะไม่ใช่ภาระความรับผิดชอบของผู้ซื้อก็ตามแต่ขายของถ้าไม่จำเป็นเค้าก็ไม่อยากขาดทุนกันครับ
สรุป คือเพื่อนอย่าลืมรวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลงไปในราคาบ้านด้วยนะครับ บวกแต่พอควรครับเพื่อนๆ เพราะเนื่องจากราคาบ้านนั้นหากสูงมากเมื่อเทียบกับสภาพบ้านของเรา และบ้านหลังอื่นๆ ที่ขายเหมือนกันก็ขายยากเช่นกันครับ ที่ผมเห็นมาในหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่มีบ้านหลังมุมทาสีใหม่ บอกขายด่วน ขายบ้านราคากันเอง ต่างๆนานา ติดป้ายใหม่ เปลี่ยนป้ายเก่า คือป้ายขายบ้านพังไปหลายรอบแล้วก็ยังขายไม่ได้สักที นั่นเป็นเพราะเจ้าของบ้านตั้งราคาไม่ดูตาม้าตาเรือ สูงเกิน ก็ไม่มีใครซื้อครับ
ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.postgg.com
เรื่องนี้สำคัญที่สุดเลยครับ ไม่ว่าช่องทางที่เพื่อนๆ ต้องการขายจะดีแค่ไหนหากขายเกินราคากว่าความเป็นจริงแน่นอนครับขายออกยากแน่ๆ ครับ เว้นเสียจากเพื่อนๆ โชคดีจริงๆ หรือไม่ก็คนที่อยากซื้ออยากได้มากๆ ยอมสู้ราคาเท่านั้นครับ
แล้วจะกำหนดราคาอย่างไรดีล่ะ
ก่อนอื่นเอาแบบง่ายสุดคือต้องเช็คราคาประเมินจากกรมที่ดินก่อนครับ ว่าบ้านของเราจะขายได้ในราคาประมาณเท่าไร ณ ปัจจุบัน แน่นอนครับราคาที่ดินต้องปรับขึ้นแน่นอนครับ ลองคำนวณบวกลบกับสภาพบ้านของเราดูครับหากเพื่อนๆ ขายบ้านตามสภาพ พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่อยากขาดทุนแน่นอนใช่ไหมครับ แต่ก็ไม่ค้ากำไรเกินควร อิอิ
ประเมินจากบ้านภายในหมู่บ้านที่ขายเหมือนกับเราครับ แล้วก็เอามาคิดราคาบวกลบตามสภาพบ้านของเราครับ ดูราคาจากป้ายที่เพื่อนบ้านแขวนไว้หรือที่ประกาศบน internet ก็ได้ครับ
อย่าลืมคำนวณรายจ่าย เช่น หากต้องการปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด ทาสีใหม่ บ้านใหม่ก่อนขายตรงนี้ก็จะเป็นรายจ่ายแต่เราก็จะสามารถนำไปคิดบวกกับราคาบ้านได้ครับ
บวกค่าโอนบ้านให้กับเจ้าของคนใหม่ รายจ่ายตรงนี้เป็นเงินก้อนใหญ่อยู่เหมือนกันนะครับ เจ้าของบ้านบางคนบอกว่ารับผิดชอบกันคนละครึ่ง บางคนก็จะออกให้ทั้งหมด ส่วนตัวผมเชื่อว่า เจ้าของบ้านทุกคนต้องคำนวณบวกเงินตรงนี้ไปในราคาบ้านแล้วล่ะครับ แต่เพื่อให้ดูดีหน่อยให้ดูเหมือนผู้ซื้อผู้ขายรับผิดชอบร่วมกัน มองแล้วผู้ซื้อไม่ได้จ่ายเงินส่วนอื่นๆ มากเกินไปกว่าราคาบ้านที่ตกลงกันไว้ บวกไปก่อนก็ได้ครับรอไว้ให้ลูกค้ามาต่อรองราคาบ้านกับเราอีกทีหนึ่งก็ลดให้เค้าได้บ้างครับ เอากำไรแต่พอควรนะครับเพื่อนๆ ร่วมด้วยช่วยกันไม่มีผู้ซื้อ เราก็ไม่มีเงินไปซื้อบ้านหลังใหม่
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น หากมีการนำบ้านไปรีไฟแนนซ์กับธนาคาร แล้วมีการจ่ายก่อนกำหนดไม่ครบปีที่ตั้งไว้ก็อาจจะมีค่าทำเนียมในการโอนคืนด้วยครับประมาณ 3% ของเงินต้นครับ ในฐานะผู้ขายหรือแม่ค้าเองก็คงจะต้องบวกรายจ่ายตรงนี้เข้าไปในตัวบ้านบ้าง ถึงแม้จะไม่ใช่ภาระความรับผิดชอบของผู้ซื้อก็ตามแต่ขายของถ้าไม่จำเป็นเค้าก็ไม่อยากขาดทุนกันครับ
สรุป คือเพื่อนอย่าลืมรวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลงไปในราคาบ้านด้วยนะครับ บวกแต่พอควรครับเพื่อนๆ เพราะเนื่องจากราคาบ้านนั้นหากสูงมากเมื่อเทียบกับสภาพบ้านของเรา และบ้านหลังอื่นๆ ที่ขายเหมือนกันก็ขายยากเช่นกันครับ ที่ผมเห็นมาในหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่มีบ้านหลังมุมทาสีใหม่ บอกขายด่วน ขายบ้านราคากันเอง ต่างๆนานา ติดป้ายใหม่ เปลี่ยนป้ายเก่า คือป้ายขายบ้านพังไปหลายรอบแล้วก็ยังขายไม่ได้สักที นั่นเป็นเพราะเจ้าของบ้านตั้งราคาไม่ดูตาม้าตาเรือ สูงเกิน ก็ไม่มีใครซื้อครับ
ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.postgg.com